ภาพหมู่

เอ็นไอเออัพดีกรีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ ในพื้นที่อีอีซีผ่านดีพเทคสตาร์ทอัพด้าน “ARI-Tech”

พร้อมส่งไม้ต่อบิ๊กธุรกิจร่วมลงทุน 10 สตาร์ทอัพฝีมือดี หวังเพิ่มมูลค่า 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

กรุงเทพฯ 10 กันยายน 2564 – สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เร่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ อีอีซี ผ่านการผลักดันสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก หรือดีพเทคสตาร์ทอัพในสาขา ARI-Tech เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันด้วยการเติมเต็มเทคโนโลยีใหม่จากสตาร์ทอัพ พร้อมยกระดับความโดดเด่นในด้านการเป็นฐานแห่งการผลิต และดึงดูดให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสนใจที่จะลงทุนหรือขยายธุรกิจในอนาคต โดยจับคู่ 10 สตาร์ทอัพให้ได้มีโอกาสทำงานร่วมภาคอุตสาหกรรมจริงกับหน่วยงานและบริษัทเทคโนโลยีในพื้นที่อีอีซี รวมถึงการจัดกิจกรรม DEMO DAY เพื่อเป็นเวทีการนำเสนอผลงานและแผนธุรกิจของของสตาร์ทอัพกับนักลงทุนขนาดใหญ่ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยสตาร์ทอัพผู้ชนะที่ได้รับรางวัล The Best Performance ARI Tech Startup Award (ตัดสินจากคณะกรรมการ) ได้แก่ ทีม AltoTech และรางวัล The Popular ARI Tech Startup Award (ตัดสินจากผลการโหวตของผู้เข้าร่วมงาน) ได้แก่ ทีม MOVEMAX

นายทรงศักดิ์ สายเชื้อ กรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ NIA และที่ปรึกษาพิเศษด้านการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า “กิจกรรมหลักของโครงการตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นการเร่งสร้างและยกระดับความสามารถของสตาร์ทอัพด้าน ARI-Tech ให้เป็นที่ประจักษ์ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องระยะเวลาและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่สตาร์ทอัพเหล่านั้นก็สามารถแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแก้ปัญหาและทำงานจริงร่วมกับหน่วยงานหรือองค์กรในพื้นที่อีอีซีได้เป็นอย่างดี โดยสามารถตอบโจทย์ให้กับอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าตลาดสูง เช่น ตลาด Smart Energy, Smart Retail, Industry 4.0, Digital Transformation และเชื่อมโยงกับศักยภาพของพื้นที่ซึ่งเอื้อต่อการเติบโตและเป็นเขตเศรษฐกิจแห่งอนาคตที่สำคัญของประเทศที่มีนโยบายสนับสนุนด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม และทุกภาคส่วนทั้งการเกษตรและชุมชน”

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA เปิดเผยว่า “NIA ได้จัดกิจกรรมบ่มเพาะสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก ภายใต้โปรแกรม Global Startup Hub: EEC ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวเป็นการต่อยอดธุรกิจสตาร์ทอัพให้มีโอกาสได้รับการลงทุน และมีช่องทางการทำตลาดกับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี รวมถึงเพื่อยกระดับพื้นที่อีอีซีให้เป็นพื้นที่แห่งการเติบโตของสตาร์ทอัพ เนื่องจากมีความพร้อมทั้งเรื่องนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ บริษัทและหน่วยงานมีศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงเป็นพื้นที่แห่งการผลักดัน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยในปีนี้ NIA นำร่องสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกด้านอารีเทค (ARI-Tech) ซึ่งประกอบด้วย Artificial Intelligence หรือ AI เทคโนโลยีทีมีความสามารถในการทำความเข้าใจและเรียนรู้องค์ความรู้เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา Robotic หรือ หุ่นยนต์ และ Immersive ซึ่งเป็นนวัตกรรมเสมือนจริง รวมถึงการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตควบคุมสรรพสิ่ง (IoT) ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานเทคโนโลยีเชิงลึกที่สามารถเชื่อมโยงกับ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายของอีอีซีที่จะนำไปสู่การสร้างความสามารถในการแข่งขันและเติมเต็มมูลค่า ช่วยยกระดับความโดดเด่นในด้านการเป็นฐานแห่งการผลิต ตลอดจนเป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสนใจที่จะลงทุนหรือขยายธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าวได้ต่อไป”

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า “NIA ได้คัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ จำนวน 10 ทีม เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีโอกาสได้เข้าไปพัฒนากระบวนการทางอุตสาหกรรมร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในพื้นที่อีอีซีในรูปแบบ co-creation เพื่อทำให้สตาร์ทอัพเข้าใจความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และนำเทคโนโลยีที่มีไปต่อยอดในอุตสาหกรรมที่อาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน จนสามารถนำไปขยายผลในเชิงธุรกิจได้จริง นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาศักยภาพนวัตกรรมให้กับสตาร์ทอัพผ่านกระบวนการเรียนรู้ การให้คำปรึกษา และการลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งก่อให้เกิดโอกาสที่สำคัญใน 4 มิติ ได้แก่ 1) โอกาสการขยายตลาดใหม่ 2) โอกาสการสร้างความความร่วมมือกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต่อเนื่องถึงการสร้างธุรกิจใหม่ร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่ 3) โอกาสการปรับเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของภาคอุตสาหกรรมที่จะนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจ ตลาด และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่สำคัญต่อการยกระดับระบบนวัตกรรมของประเทศ รวมถึงพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกของไทยที่ในอนาคตสามารถขยายธุรกิจในระดับนานาชาติต่อไป”

ด้าน ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า “สตาร์ทอัพแต่ละทีมได้พัฒนาโครงการอย่างเข้มข้นผ่านการทำงานจริงร่วมกับองค์กรพันธมิตรชั้นนำในพื้นที่อีอีซี โดยได้รับคำแนะนำทั้งทางด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาร่วมแก้โจทย์ปัญหาหรือต่อยอดธุรกิจ อีกทั้งยังได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม ผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้นตลอดระยะเวลาโครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพแบบเจาะลึก และการจับคู่สตาร์ทอัพและบริษัทพันธมิตรซึ่งประกอบด้วย 1. AltoTech: AIoT แพลตฟอร์มวิเคราะห์ ตรวจสอบ และจัดการการใช้พลังงานภายในโรงแรม หรืออาคารแบบอัตโนมัติ ทำงานร่วมกับ บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด 2. AUTOPAIR: แพลตฟอร์มบริหารจัดการชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดซื้อและบริหารค่าใช้จ่าย ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ทำงานร่วมกับ บริษัท เอ็น ดี รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) 3. BlueOcean XRSIM+: แพลตฟอร์มจำลองการฝึกเสมือนจริง ส่งมอบประสบการณ์การฝึกปฎิบัติงาน (OJT) ทะลายข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ ทำงานร่วมกับ EEC Automation park ม.บูรพา และสถาบันไทย-เยอรมัน 4. Crest Kernel: ระบบตรวจสอบความปลอดภัยและวิเคราะห์ข้อมูลการบริโภคบนข้อมูลภาพกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ด้วย DeepEyes ทำงานร่วมกับ บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด (มหาชน) 5. ENRES: AIoT แพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายอาคารและโรงงานสู่ยุค 4.0 ทำงานร่วมกับ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 6. GENSURV: รถฟอร์คลิฟท์ไร้คนขับนำทางด้วยเลเซอร์ สำหรับการขนย้ายพาเลทในคลังและสายการผลิต ทำงานร่วมกับ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท ดั๊บเบิ้ลเอ (1991) จำกัด(มหาชน) 7. IFRA: เครื่องมือช่วยวิศวกรในโรงงานเก็บข้อมูลเครื่องจักรและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด 8. MOVEMAX: แพลตฟอร์มบริหารงานขนส่งและกระจายสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ ทำงานร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 9. VERILY VISION: ระบบกล้อง AI เก็บข้อมูล ทะเบียนรถขนส่ง และหมายเลขตู้คอนเทนเนอร์สินค้าอัตโนมัติ สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ ทำงานร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ 10. ZEEN: ระบบ AI สำหรับบริหารและจัดการขายสินค้าอุปโภคบริโภคสำหรับร้านค้าปลีกอย่างถูกต้องและแม่นยำ ทำงานร่วมกับ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด”

1

NIA ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัดกิจกรรม Business Matching – Networking กับ 10 ARI-Tech Startup จากโครงการ NIA Deep Tech Incubation Program @EEC

23 กรกฎาคม 2564 – NIA จัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในเขตพื้นที่ EEC ภายใต้ชื่องาน “Business Matching – Networking” ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากกว่า 120 คน จากหลากหลายกลุ่ม อาทิ นักลงทุน ภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคการศึกษา Startup รวมถึงผู้ที่สนใจที่กำลังมองหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถนำไปต่อยอดและเสริมธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมร่วมฟัง Pitch จาก 10 ARI-Tech Startup ทั้ง 10 ทีม ด้าน AI ,ROBOTIC, IMMERSIVE, IOT

.

โดยได้รับเกียรติกล่าวเปิดงานโดย ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA ว่า สนช. ที่ได้ให้ความสำคัญในยุทธศาสตร์ของการพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่ และการพัฒนาให้เกิดสตาร์ทอัพ ที่จะก่อให้เกิดการเข้ามาสร้างสรรค์นวัตกรรมบนฐานอุตสาหกรรมเดิมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor หรือ EEC โดยสร้างให้เกิดศูนย์กลางสตาร์ทอัพระดับโลก (Global Startup Hub) ที่ EEC ที่มุ่งเน้นการใช้ศักยภาพเชิงพื้นที่ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงการทำงานเกิดการรังสรรค์นวัตกรรรมและแนวทางทางการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ร่วมกันระหว่างสตาร์ทอัพ และหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่ ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพในพื้นที่ EEC ที่มีความพร้อมและตอบโจทย์ผู้คนที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติ

.

ต่อด้วย คุณมณฑา ไก่หิรัญ ผู้จัดการส่งเสริมนวัตกรรม NIA กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของโครงการ NIA Deep Tech Incubation @EEC กล่าวว่า ในปี 2564 มุ่งเน้นสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก ในกลุ่ม ARI-Tech นำเทคโนโลยีและนวัตกรรรมมาแก้ไขปัญหามาตอบโจทย์ความต้องการของ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC ได้ร่วมสร้างสรรค์ความร่วมมือ (Co-creation) ทดสอบการใช้งาน (Proof of Concept, POC) กับบริษัทหรือองค์กรหน่วยงานในพื้นที่ ผ่านกิจกรรม NIA Deep Tech Incubation Program @EEC โดยในวันนี้ได้จัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายละจับคู่ธุรกิจระหว่างสตาร์ทอัพกลุ่ม ARI-Tech กับผู้ที่สนใจที่ต้องพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มโอกาสจับคู่ธุรกิจ ให้เกิดการขยายธุรกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ให้มากขึ้น

.

หลังจากนั้น สตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีม ได้แก่ 1) Zeen 2) Crest Kernel 3) Verily Vision 4) AltoTech 5) MOVEMAX 6) AUTOPAIR 7) GENSURV 😎BlueOcean XRSIM+ 9) ENRES และ 10) IFRA นำเสนอรูปแบบของสินค้าและบริการ ที่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาใหม่บนพื้นฐานของใช้เทคโนโลยี โดยหลังจากนั้นได้เปิดห้องให้กับผู้สนใจ ร่วมพูดคุย หารือแนวทางความร่วมมือแบบ 1:1 ในอนาคตต่อไป

.

สามารถชมการนำเสนอโซลูชั่นของสตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีมย้อนหลังได้ที่ https://fb.watch/72oVvcFs4s/

.

#NIA #DeepTechStartupxEEC #Incubation #PPP #ARITech #AI #Robotics #Immersive #IoT #StartupThailand #Sectoraldevelopmen

9

NIA จัดเต็มเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ไปกับ “กูรู” ให้กับสตาร์ทอัพสายดีพเทคในกิจกรรม NIA Deep Tech Incubation Program @EEC

จบลงไปแล้วสำหรับกิจกรรม Boot Camp ภายใต้กิจกรรม “บ่มเพาะสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” หรือ NIA Deep Tech Incubation Program @EEC” ซึ่งจัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เมื่อวันที่ 5, 15 และ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทางออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom

.

ตลอด 3 วัน ของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในครั้งนี้ มุ่งหวังให้สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการมีความรู้พื้นฐาน เข้าใจหลักคิด และหลักปฏิบัติที่สำคัญด้านประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกในการขยายธุรกิจให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในการรังสรรค์นวัตกรรมร่วมกับองค์กรพันธมิตรในเขต EEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับ Tech Startup มาแบ่งปันความรู้ ให้คำแนะนำกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมและร่วมแชร์ประสบการณ์ต่างๆ แก่สตาร์ทอัพของโครงการฯ ทั้ง 10 ทีมได้เรียนรู้กันอย่างเข้มข้น

.

วันแรกของกิจกรรม ได้รับเกียรติจาก คุณมานพ ธรรมสิริอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Silicon Craft มาแชร์เรื่องราวการดำเนินธุรกิจ พร้อมกลยุทธ์ที่พลักดันธุรกิจให้เติบโตขยายไปได้ในระดับโลก ในหัวข้อ “Deep Tech scale up การสร้าง deep tech startup สู่การต่อยอดธุรกิจ” เรียกว่าทำให้สตาร์ทอัพ มีแรงบันดาลใจและอยากที่จะประสบความสำเร็จแบบวิทยากรกันเลยทีเดียว ต่อจากนั้น คุณจิรุตถ์ วัตตูม Technology Strategy & Portfolio Manager, SCG ได้บรรยายหัวข้อ “Deep Tech & Growth Opportunity through Corporate Partnership” เพื่อให้หลักคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

.

วันที่สอง ได้รับเกียรติจากคุณอัญชนา วัลลิภากร CEO – Baania มาแชร์ประสบการณ์เส้นทางการเติบโตของธุรกิจ และแนวคิดในการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพ บนพื้นฐานของเทคโนโลยีเชิงลึก ในหัวข้อ “Deep Tech Journey : From Big Data to Big Tech Company” และปิดท้ายกับหัวข้อ “The Growth Path of Startup and 5G Opportunities” โดย คุณชาริณี กัลยาณมิตร CEO – 5G Catalyst Technologies ที่มาให้ความรู้เรื่องของการเติบโตของสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก วิธีการระดมทุน และความคาดหวังของนักลงทุน

.

วันสุดท้ายของกิจกรรม ได้รับเกียรติจากคุณมุกด์ สีบุญเรือง ผู้ช่วยเลขาธิการด้านยุทธศาสตร์การลงทุน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) มาสร้างความเข้าใจเรื่อง “ EEC Industry Landscape & Startup Opportunities” เพื่อให้สตาร์ทอัพมองเห็นภาพรวมกลไกการสนับสนุนและโอกาสการเติบโตขยายธุรกิจใน เขต EEC นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Online Networking ที่เปิดโอกาสให้หน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่ EEC และสตาร์ทอัพในโครงการได้ร่วมพูดคุยและสร้างเครือข่ายความร่วมมือไปด้วยกัน เรียกว่าจบงานกันไปด้วยสาระความรู้แบบจัดเต็ม

.

#NIA #DeepTechxEEC #Incubation #PPP #ARITech #AI #Robotics #ImmersiveIoT #StartupThailand #Sectoraldevelopment

7

4 มิถุนายน 2564 – เริ่มแล้ว! สำหรับกิจกรรม Co-Creation ระหว่างหน่วยงานพันธมิตรและสตาร์ทอัพ ในโครงการ NIA Deep Tech Incubation Program @EEC ที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพ สาย DEEP TECH ที่มีนวัตกรรมด้าน ARI-Tech

1) Artificial Intelligent (AI)

2) Robotics

3) Immersive, IoT

.

มาร่วมรับโจทย์พร้อมพูดคุยเพื่อวางเป้าหมาย (Goal Setting) และมองภาพร่วมกันในการดำเนินงานภายในระยะเวลาของโครงการ โดยมีองค์กรชั้นนำหลากหลายอุตสาหกรรมที่เข้าร่วม อาทิ PTT, B.Grimm, AIS,คาราบาว, Thai Summit, สยามคูโบต้า, สุนทรธัญทรัพย์, สถาบันไทย-เยอรมัน, Automation park ม.บูรพา, ND Rubber

.

โดยในวันแรกที่เริ่มโครงการได้รับเกียรติจาก ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวต้อนรับองค์กรพันธมิตร และแสดงความยินดีกับสตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีม พร้อมเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ

.

โดยได้กล่าวถึงแผนระยะยาวในการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็น Global Startup Hub @EEC และย้ำวัตถุประสงค์หลักของโครงการ NIA Deep Tech Incubation Program @EEC ว่าเป็นโครงการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมสำหรับสตาร์ทอัพ สาย Deep Tech ให้เติบโตในพื้นที่ EEC อย่างแท้จริง โดยเน้นสร้างความร่วมมือระหว่างสตาร์ทอัพ และหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่ และช่วยให้สตาร์ทอัพได้ขยายฐานธุรกิจ เปรียบเสมือน Sandbox ที่ให้สตาร์ทอัพนำโซลูชั่นไปใช้งานจริง ตรงความต้องการของอุตสาหกรรมในแต่ละพื้นที่ พร้อมกล่าวเสริมว่าตลอดระยะเวลา 3 เดือน ในการร่วมทำ Co-Creation สตาร์ทอัพจะได้เรียนรู้และปฏิบัติจริงผ่านกิจกรรมต่างๆ ของโครงการ อาทิ 1) กิจกรรมการเรียนรู้ (Learning Activity) ที่เน้นให้เกิดความเข้าใจในการแก้ปัญหา โดยมีรุ่นพี่สตาร์ทอัพมาร่วมแนะนำแนวทางการดำเนินธุรกิจ 2) กิจกรรมให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ (Coaching & Mentoring Activity) โดยทุกทีมจะมี Mentor ประจำทีมแบบ 1:1 ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งทางด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ มาให้คำปรึกษาตลอดโครงการ 3) กิจกรรมลงมือปฏิบัติทดสอบ (POC) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อทดสอบนวัตกรรมของสตาร์ทอัพว่าสามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างไรบ้าง ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ทำให้ได้เห็นโจทย์ปัญหาของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่จริง และเพื่อสร้างนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหา (Pain Points) และช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้สตาร์ทอัพไปพร้อมกัน โดยทิ้งท้ายว่าอยากให้โครงการนี้เป็นโครงการนำร่อง ที่สร้างให้สตาร์ทอัพ สาย Deep Tech ของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสร้างนวัตกรรมที่เอื้อประโยชน์และนำไปใช้ได้จริง

.

ต่อจากนั้น คุณมณฑา ไก่หิรัญ ผู้จัดการส่งเสริมนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้กล่าวแนะนำภาพรวม NIA Deep Tech Incubation Program @EEC และเปิดตัว Mentor ประจำทีมสตาร์ทอัพ พร้อมแนะนำรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ ที่กำลังจะเกิดหลังจากนี้ และคุณอรพิมพ์ เหลืองอ่อน Managing Partner – Aimspire กล่าวแนะนำกระบวนการทำ co-creation การทำงานร่วมกับบริษัทพันธมิตรเพื่อต่อยอดธุรกิจต่อไป

.

ปิดท้ายด้วยการประชุมกลุ่มย่อยเข้าสู่กิจกรรม Co-Creation ระหว่างหน่วยงานพันธมิตรและสตาร์ทอัพ เพื่อร่วมวางเป้าหมาย (Goal Setting) และมองภาพร่วมกันในการดำเนินงานภายในระยะเวลาของโครงการ ซึ่งหลังจากนี้ ต้องคอยติดตามว่าจะได้เห็นนวัตกรรม Deep Tech ในรูปแบบไหน ไม่นานเกินรอ!!

1.1

NIA ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรจัดเสวนา หวังสร้างเครือข่ายผลักดันสตาร์ทอัพสาย Deep Tech ให้มีโอกาสเติบโตในพื้นที่ EEC

30 เมษายน 2564 – เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับงานสัมมนาผ่านทางออนไลน์กับกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในเขตพื้นที่ EEC ภายใต้ชื่องาน Startup Growth Journey : EEC พื้นที่แห่งการเติบโต” จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากกว่า 150 คน อาทิ  Startup  นักลงทุน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา รวมถึงผู้ที่สนใจและผู้ที่กำลังมองหาโอกาสเข้าไปเติบโตในพื้นที่เศรษฐกิจ

ก่อนเริ่มงาน คุณปริวรรต  วงษ์สำราญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม NIA ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเป้าหมายในการสร้างให้เกิด Global Startup Hub @EEC ที่ในอนาคตจะเป็นศูนย์ให้บริการสำหรับสตาร์ทอัพทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้บริการข้อมูลธุรกิจ จัดกิจกรรมสร้างเครือข่าย และกิจกรรมให้ความรู้แก่สตาร์ทอัพ และได้รับเกียรติจากคุณมุกต์  ศรีบุญเรือง ผู้ช่วยเลขาธิการ ด้านยุทธศาสตร์การลงทุน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มาแสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC  ที่มีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน นโยบาย และกำลังคน ซึ่งเป็นพื้นที่ศักยภาพและรองรับการเติบโตในอนาคต

งานเสวนาในช่วงแรกพบกับเครือข่ายพันธมิตรที่พร้อมสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพในพื้นที่ EEC ทั้งจากภาครัฐ นักลงทุน และ สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศ มาร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองและชี้แนวทาง เรื่อง “เส้นทางการเติบโตของสตาร์ทอัพจากพื้นที่ EEC สู่เวทีระดับโลก” ทำให้ผู้เข้าร่วมทราบถึงโอกาสการเติบโตในพื้นที่ EEC และความพร้อมของพื้นที่ในการช่วยผลักดันให้เกิดระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพในพื้นที่ EEC ที่มีทั้งห้องทดสอบ โรงงานต้นแบบ และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ พร้อมสนับสนุนเต็มกำลังและทำงานกับทุกๆ ภาคส่วน โดย คุณปิยะฉัตร  ใคร้วานิช เบอร์ทัน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาพื้นที่และกำลังคน เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ ดร.ชินวุธ  พิพัฒน์ภานุกุล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา รวมถึงคุณธีระ  กนกกาญจนรัตน์  CEO, Arincare มาแชร์ประสบการณ์ของสตาร์ทอัพที่มาจากภาคตะวันออกจังหวัดจันทบุรีที่สามารถเติบโตได้ในระดับประเทศด้วย Solutions ที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดพร้อมตอบโจทย์ยุคปัจจุบัน มาให้คำแนะนำการเตรียมความพร้อม การปรับรูปแบบธุรกิจให้ก้าวสู่การเติบโต รวมถึงคุณอินทัช  อนุพรรณสว่าง MD, RST Robotics สตาร์ทอัพสายดีพเทค ทีใช้เทคโนโลยีเป็นตัวนำ สร้างจุดแกร่งในการสร้างธุรกิจ นำผลิตภัณฑ์และบริการออกสู่ตลาด ปิดท้ายด้วยคุณนายต่อตระกูล  วัฒนวรกิจกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มาเฉลยแผนการลงทุนที่สนใจในกลุ่มของเทคโนโลยีเชิงลึกในกลุ่มของ  BioTech, MedTech, Industry 4.0 ที่สอดคล้องกับ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายของ EEC เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน

ในช่วงที่สองจะมาเจาะลึกใน “กิจกรรมการบ่มเพาะของสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก หรือ NIA Deep Tech Incubation Program @EEC“ โดยคุณมณฑา  ไก่หิรัญ ผู้จัดการส่งเสริมนวัตกรรม NIA ที่เปิดถึงความสำคัญของเวทีของความร่วมมือระหว่างสตาร์ทอัพสายดีพเทคกลุ่ม ARI-Tech ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ เทคโนโลยีเสมือนจริง และไอโอที มีร่วมการต่อยอดทางธุรกิจแสดงฝีมือการแก้ไขปัญหาแบบสตาร์ทอัพ กับ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ เช่น เกษตร อาหาร การแพทย์ โลจิสติกส์ ที่เปรียบเหมือนเป็นแซนด์บอกซ์ พร้อมด้วยหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้ประสบการณ์จากสตาร์ทอัพสายดีพจากรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จ มี Mentor ประจำทีม และผู้เชี่ยวชาญทั้งสายเทคโนโลยี ธุรกิจ ที่ออกแบบตามความต้องการ ที่จะร่วมปลุกปั้นสตาร์ทอัพให้นำ Solutions มาตอบโจทย์องค์กรพันธมิตรชั้นนำ ที่มาร่วม co-creation ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันต่อในอนาคต

3 องค์กรพันธมิตรแรกที่ร่วมตอบรับการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพ พร้อมทั้งมีโจทย์ที่ท้าทาย Problem Statements ให้กับสตาร์ทอัพที่ชัดเจน เพื่อเกิดความร่วมมือและต่อยอดธุรกิจร่วมกัน เริ่มด้วย Dr. Lye Kim Soon, Chief Strategy Officer, BGrimm Group ได้ฝากข้อคิดสำคัญให้กับสตาร์ทอัพคือ ควรหาช่องวางทางตลาดที่ตอบโจทย์ปัญหาที่ชัดเจน เหมือนทานยาพาราเพื่อแก้ปัญหาการปวดหัว มากกว่าการใช้วิตามิน ที่เป็น Solutions ที่ดีมากๆๆ แต่ไม่ตอบโจทย์ตลาด รวมถึงเปิด Problem Statement ที่สำคัญได้แก่ 1) แพลตฟอร์มเลือกใช้แหล่งกำเนิดพลังงานผ่านการบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2) การลดการปลดปล่อยคาร์บอนตลอดห่วงโซ่การผลิตเชื่อมต่อให้เกิดความคุ้มค่า 3) การใช้ AI ทำนายเพื่อบริหารจัดการสินค้าคงคลังกลุ่มอะไหล่จำนวนมากและหลากหลาย 4) การใช้ IoT Solution เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และ 5) การควบคุมให้หน้ากากของอาคารตามแดดหรือลมเพื่อสร้างความสบายและประหยัดพลังงาน

ต่อด้วยคุณศรีหทัย  พรามณี AIS the Startup Management / Corporate Businesses Unit กล่าวอย่างชัดเจนว่า การทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกัน AIS ต้องการ used case มาตอบโจทย์ปัญหาทีมีอยู่มากมายหลายส่วนที่จะมาตอบโจทย์การทำงานจริงร่วมกัน และเปิดกว้างที่จะทำงานร่วมกับฐานลูกค้าหลากหลายกลุ่ม โดยมุ่งเน้นด้าน B2B และ Deep Tech ที่เกี่ยวข้องใน 1) Smart Building 2) Smart Logistic or Transpartnation และ 3) Smart Factory

ปิดท้ายผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ผ่านสตาร์ทอัพด้าน Data Science เคยทำ startup ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว อย่างคุณจรัล  งามวิโรจน์เจริญ Director (CEO Office), คาราบาวกรุ๊ป จึงมีเข้าใจอย่างดีถึงปัญหาของสตาร์ทอัพ  และตอนนี้กำลังมองหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เป็นการช่วยเร่งให้เกิดการพัฒนากระบวนการทำงานร่วมกัน รวมถึงรู้จักและเข้าใจระบบนิเวศสตาร์ทอัพในประเทศและภูมิภาคเขตนี้

NIA Deep Tech Incubation Program @EEC พร้อมจะเปิดรับมาร่วมกันเป็น Community ในการสร้าง Startup Ecosystem ที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปด้วยกัน

สำหรับสตาร์ทอัพที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ อย่ารอช้า

สมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 12 พ.ค. 2564

ส่งรายละเอียดของบริษัท พร้อมทั้งแผนธุรกิจ (Pitch Deck)

ได้ที่ http://aritech.nia.or.th/eec

ติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่คุณมณฑา ไก่หิรัญ 

– โทรศัพท์ : 02-017 5555 ต่อ 543

– มือถือ : 081-372 9163

– อีเมล : [email protected]

#NIA #DeepTechStartupxEEC #Incubation #PPP #ARI-Tech #AI #Robotics # Immersive IoT #StartupThailand #Sectoral development